ถ้าอยากใช้เวลาฝึกสมาธิให้นานเพียงพอ แต่ไม่อยากเสียสมาธิ เพราะต้องคอยเช็คเวลาอยู่เรื่อย ให้ตั้งเวลาฝึกสมาธิไว้ 10 นาที หรือหนึ่งชั่วโมงก็ได้ โทรศัพท์มือถือก็ใช้ตั้งเวลาได้ จะหาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมาใช้ตั้งเวลาก็ได้ [2] ส่วน 2 ของ 2: ทำสมาธิ 1 นั่งหลังตรงบนเบาะหรือเก้าอี้. การนั่งตัวตรงจะช่วยเพ่งลมหายใจเข้าและออก ถ้านั่งเก้าอี้อย่าพิงหลัง หรือนั่งหลังงอ นั่งตัวตรงไว้เท่าที่จะทำได้ วางขาในท่าที่สะดวก ยืดขามาข้างหน้า หรือไขว้ขาทับไว้เหมือนขนมเพรทเซลก็ได้ ถ้านั่งกับพื้นโดยใช้เบาะ สิ่งที่สำคัญคือต้องนั่งตัวตรง 2 อย่ากังวลเรื่องการวางมือ. ในสื่อจะเห็นผู้คนเอามือทั้งสองข้างวางไว้ที่หัวเข่าตอนทำสมาธิ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องทำ จะประสานมือไว้ที่ตัก ปล่อยไว้ข้างลำตัว แบบไหนก็ได้ขอให้สะดวกพอที่จะทำให้จิตใจผ่อนคลายและเพ่งที่ลมหายใจ 3 ตั้งศีรษะเหมือนกับกำลังก้มหน้า. ถึงแม้ผู้คนมากมายมองว่าการหลับตาจะช่วยปิดกั้นสิ่งรบทางกวนสายตาได้ง่ายกว่า แต่ในการนั่งสมาธิจะหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ให้ตั้งศีรษะเหมือนกับกำลังก้มหน้า จะช่วยเปิดช่องอกทำให้หายใจสะดวก 4 ตั้งเวลา. เมื่ออยู่ในท่าที่สะดวกและพร้อมที่จะเริ่มทำสมาธิ ตั้งเวลาว่าอยากทำสมาธินานแค่ไหน สัปดาห์แรกอย่ากดดันทำสมาธิเกินกำลังตนเองถึงหนึ่งชั่วโมง เริ่มต้นทำสมาธิสัก 3-5 นาที และค่อยเพิ่มเป็นครึ่งชั่วโมง หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ [3] 5 ปิดปากให้สนิทตอนหายใจ.
[4] สูดลมหายใจเข้าและปล่อยลมหายใจออกทางจมูกตอนทำสมาธิ ถึงแม้ต้องปิดปากให้สนิท แต่ต้องไม่เกร็งกล้ามเนื้อขากรรไกร อย่าขบฟันหรือกัดฟัน จะได้รู้สึกผ่อนคลาย 6 จดจ่อที่ลมหายใจ. [5] นี้คือการทำสมาธิ ลอง"ไม่"คิดเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ทำให้เครียด และจดจ่อสิ่งที่อยู่กับเรามาตลอดนั้นคือ ลมหายใจ จดจ่อที่ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก แล้วจะพบว่าความคิดจากโลกภายนอกจะค่อยๆจาง หายไปเอง โดยไม่ต้องกังวลหาวิธีการปล่อยวางเรื่องเหล่านี้ ใช้วิธีเพ่งลมหายใจที่สะดวกมากที่สุด บางคนชอบจดจ่อที่การขยายตัวและหดตัวของปอด ขณะที่คนอื่นชอบนึกถึงอากาศที่ผ่านเข้ามาทางจมูก อาจถึงขั้นจดจ่ออยู่กับเสียงลมหายใจก็ได้ แค่ตั้งสติให้จดจ่อกับลักษณะเสียงลมหายใจอย่างเดียว 7 สังเกตลมหายใจแต่ไม่ต้องถึงกับพินิจพิเคราะห์. [6] เป้าหมายคืออยู่กับลมหายใจแต่ละครั้ง ลมหายใจเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องวุ่นวายจดจำความรู้สึกของตน หรืออธิบายสิ่งที่พบเจอภายหลัง แค่รับรู้ถึงลมหายใจแต่ละครั้งในชั่วขณะนั้น เมื่อผ่านไปแล้ว ให้รับรู้ถึงลมหายใจครั้งต่อไป อย่าให้จิตใจคิดถึงเรื่องการหายใจ แค่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสเท่านั้นก็พอ 8 พาจิตใจให้กลับมาจดจ่อที่ลมหายใจถ้าจิตใจเตลิดไปคิดเรื่องอื่น.
ถึงแม้จะทำสมาธิมามาก แต่จิตใจก็อาจเตลิดไปได้บ้าง จะเริ่มคิดถึงเรื่องงาน เรื่องค่าใช้จ่าย หรือกิจธุระที่ต้องไปทำภายหลัง เมื่อไรที่สังเกตเห็นว่าโลกภายนอกเริ่มเข้ามารบกวน อย่ากังวลและพยายามไม่สนใจ ให้ค่อยๆ ดึงตัวเองกลับมารู้สึกถึงลมหายใจแทน และปล่อยให้ความคิดเรื่องอื่นจางหายไปอีกครั้ง อาจพบว่าจดจ่อที่ลมหายใจเข้าได้ง่ายกว่าที่ลมหายใจออก เรื่องนี้เป็นความจริง ให้ลองจดจ่อรับรู้ลมหายใจออกดู ลองนับลมหายใจ ถ้าหากกลับมาจดจ่ออีกครั้งได้ยากเย็น 9 อย่าฝืนตัวเองจนเกินไป.