เเสตมป์ ต้องติดสเเตมป์ตามราคาที่กรมไปรษณีย์ฯ กำหนด เพราะถ้าติดไม่ครบ ผู้รับจะถูกปรับเป็น ๒ เท่าของราคาเเสตมป์ที่ขาดไป การเขียนตามเเบบแผนที่นิยม ลักษณะการเขียนจดหมายตามเเบบเเผนที่นิยม ได้แก่ ๑. คำขึ้นต้น ต้องเหมาะแก่ฐานะและตำแหน่งหน้าที่ ๒. การวางรูปแบบจดหมาย ควรจัดวางให้มีสัดส่วนพอเหมาะกับหน้ากระดาษ โดยเว้นด้านหน้าประมาณ ๑ นิ้ว และเว้นด้านหลังประมาณครึ่งนิ้ว ๓. สำนวนภาษาที่ใช้ในการเขียน ต้องคำนึงถึงความสุภาพ เขียนถูกต้องเหมาะแก่ฐานะ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ๕. ถ้าต้องการอวยพรให้เพื่อนหรือญาติผู้ใหญ่ในตอนท้ายของจดหมาย ควรอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ เพื่อทำให้คำอวยพรมีความขลังและสละสลวย ๖. คำลงท้าย ต้องใช้ให้ถูกต้องเเละเหมาะแก่ฐานะและบุคคล รูปแบบของจดหมาย ๑. รูปแบบของการวางรูปจดหมาย ๑. ๑ ที่อยู่ของผู้เขียน อยู่ตรงมุมบนขวาของหน้ากระดาษ โดยเริ่มเขียนจากกึ่งกลางหน้ากระดาษ โดยเริ่มเขียนจากประมาณกึ่งกลางหน้ากระดาษ ๑. ๒ วันเดือนปี เขียนเยื้องที่อยู่ผู้เขียนมาข้างหน้าเล็กน้อย ๑. ๓ คำขึ้นต้น อยู่ด้านซ้ายห่างจากขอบกระดาษประมาณ ๑ นิ้ว และเป็นเเนวชิดด้านซ้ายสุดของเนื้อความ ๑. ๔ เนื้อความ เริ่มเขียนโดยย่อหน้าเล็กน้อย และควรขึ้นย่อหน้าใหม่เมื่อขึ้นเนื้อความใหม่ นอกจากนี้ต้องเว้นวรรคตอนให้ถูกต้องด้วย ๑.
พระสงฆ์ถือตาลปัตร ภาพพิมพ์ปลายศตวรรษที่ 17 ภาพจากหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส ผู้เขียน ฮิมวัง เผยแพร่ วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ. ศ.
คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ ๕ ธันวาคม พ. ศ. ๒๕๖๒) พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม ผู้เขียน
หรือเป็นไปได้หรือไม่ ที่พระสงฆ์ในกรุงศรีอยุธยาสมัยนั้น (สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง) ยังไม่โกนคิ้ว? ข้อน่าสังเกตคือ ในปัจจุบัน พระสงฆ์ไทย ลาว และกัมพูชา ต่างก็โกนคิ้ว แล้วพระสงฆ์ลาวกับกัมพูชาโกนคิ้วเมื่อใด? หากรับอิทธิพลมาจากกรุงศรีอยุธยา แล้วมีเหตุผลอันใดที่ต้องรับเอาอิทธิพลนี้ไป ทั้งที่การโกนคิ้วไม่มีปรากฏในพระธรรมวินัย เป็นไปได้หรือไม่ที่สาเหตุการโกนคิ้วไม่ได้มาจากเรื่องการศึกสงคราม? นอกจากนี้ พระสงฆ์ในศรีลังกาก็โกนคิ้วเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะรับอิทธิพลมาจากนิกาย "สยามวงศ์" ที่แพร่เข้ามาในยุคหลัง ซึ่งนั่นก็เป็นยุคหลังจากสมัยสมเด็จพระนารายณ์ล่วงไปนานแล้ว สรุป การโกนคิ้วมีกระทำกันในสมัยกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์อย่างแน่นอน แต่จะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลเพื่อแยกพระสงฆ์ไทยกับพม่า ที่ปลอมตัวเป็นพระสงฆ์เข้ามาสืบข่าวหรือไม่นั้น คงต้องรบกวนท่านผู้รู้ผู้อ่านช่วยกันสืบค้นหลักฐานต่อไป เพราะยังมีหลักฐานอีกมากที่ผู้เขียนยังไม่ได้ค้น ต่อคำถามที่ว่า พระสงฆ์ไทยเริ่มโกนคิ้วกันตั้งแต่เมื่อไหร่? โกนคิ้วเพราะป้องกันพม่ามาสืบข่าวจริงหรือไม่? จึงยังไม่เป็นที่ยุติ เผยแพร่เนื้อหาในระบบ ออนไลน์ ครั้งแรกเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2563
มัตตัญญุตา ความรู้จักประมาณ คือ ความพอดี เช่น ภิกษุรู้จักประมาณในการรับและบริโภคปัจจัยสี่ คฤหัสถ์รู้จักประมาณในการใช้จ่ายโภคทรัพย์ พระมหากษัตริย์รู้จักประมาณในการลงทัณฑอาชญาและในการเก็บภาษี เป็นต้น ๕. กาลัญญุตา ความรู้จักกาล คือ รู้กาลเวลาอันเหมาะสม และระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการประกอบกิจ กระทำหน้าที่การงาน เช่น ให้ตรงเวลา ให้เป็นเวลา ให้ทันเวลา ให้พอเวลา ให้เหมาะเวลา เป็นต้น ๖. ปริสัญญุตา ความรู้จักบริษัท คือ รู้จักชุมชน และรู้จักที่ประชุม รู้กิริยาที่จะประพฤติต่อชุมชนนั้นๆ ว่า ชุมชนนี้เมื่อเข้าไปหา จะต้องทำกิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้ ชุมชนนี้ควรสงเคราะห์อย่างนี้ เป็นต้น ๗. ปุคคลัญญุตา หรือ ปุคคลปโรปรัญญุตา (ความรู้จักบุคคล คือ ความแตกต่างแห่งบุคคลว่า โดยอัธยาศัย ความสามารถ และคุณธรรม เป็นต้น ใครๆ ยิ่งหรือหย่อนอย่างไร และรู้ที่จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นๆ ด้วยดี ว่าควรจะคบหรือไม่ จะใช้จะตำหนิ ยกย่อง และแนะนำสั่งสอนอย่างไร เป็นต้น (พระพรหมคุณาภรณ์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต), ๒๕๕๘) ๒. ๒ กัลยาณมิตรธรรม คือ องค์คุณของกัลยาณมิตร คุณสมบัติของมิตรดีหรือมิตรแท้ คือท่านที่คบหรือเข้าหาแล้วจะเป็นเหตุให้เกิดความดีงามและความเจริญ ในที่นี้มุ่งเอามิตรประเภทครูหรือพี่เลี้ยงเป็นสำคัญ มี ๗ ประการ คือ ๑.
ธ. ๙ หรือเป็น ดร. ก็ต้องเป็นผู้ตาม พร้อมทั้งบริหารโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำเอกสาร งบประมาณ ประสานงาน หรือดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการ โดยเฉพาะในโครงการปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม ซึ่งเป็นโครงการแรกที่มีงบประมาณจากสำนักงารส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ มาสนับสนุน ครูบาอาจารย์ย้ำกับอาตมาว่าเราจะต้องใช้เงินให้เป็นประโยชน์สูงสุด ให้เงินที่มีอยู่จำนวนอันน้อยนิดนี้ แต่ให้ได้งานและประโยชน์มากที่สุด อาจารย์พระครูสิริวิหารการ ในค่าย "ปลูกจิตอาสานาข่าวิทยาคม" จัดขึ้น ณ พุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม พ.