เมื่อจับไม้ตีระนาดได้แล้วส่วนมากนิยมตีพร้อมกันทั้งสองมือโดยกำหนดให้ลูกที่ 1 (tonic tone) อยู่ทางซ้ายมือ ไม่ว่าจะเป็นลูกใด 2. เมื่อกำหนดให้ลูกซ้ายมือเป็นลูกที่ 1(tonic tone แล้วให้นับลูกถัดไปทางขวาเป็นลูกที่ 2 นับถัดไปจนถึงลูกที่ 8 เรียกว่าว่าลูก 1 ช่วงมือหรือคู่ 8 และหรือ 1 octave เช่น ดฺ – 8 – ด 3. เมื่อกำหนดให้ลูกซ้ายมือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดไปทางขวา จนถึงลูกที่ 7 เช่น ดฺ ถึง ท คือ 7 เรียกว่าคั่นคู่ 7 4. เมื่อกำหนดให้ลูกซ้ายมือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดไปทางขวา จนถึงลูกที่ 6 เช่น ดฺ ถึง ล คือ 6 เรียกว่าคั่นคู่ 6 5. เมื่อกำหนดให้ลูกซ้ายมือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดไปทางขวา จนถึงลูกที่ 5 เช่น ดฺ ถึง ซ คือ 5 เรียกว่าคั่นคู่ 5 6. เมื่อกำหนดให้ลูกซ้ายมือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางขวา จนถึงลูกที่ 4 เช่น ดฺ ถึง ฟ คือ 4 เรียกว่าคั่นคู่ 4 7. เมื่อกำหนดให้ลูกซ้ายมือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางขวา จนถึงลูกที่ 3 เช่น ดฺ ถึง ม คือ 3 เรียกว่าคั่นคู่ 3 8.
เครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผาก ติดผนัง แบบอัตโนมัติ (Auto Infrared Forehead Thermometer) ASIT K3 รายละเอียด เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ทางหน้าผากแบบอินฟาเรด (ติดผนัง) ASIT K3 เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรด โดยวัดอุณหภูมิผ่านทางหน้าผาก ให้ความรวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง ใช้งานง่าย โดยมีการับรองคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดแบบติดผนังแบบไม่สัมผัสดิจิตอลเทอร์โมมิเตอร์ทารกเลเซอร์เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ไข้พร้อมฟังก์ชั่นหน่วยความจำจอแสดงผล LCD Hand Free เหมาะสำหรับใช้ในร่มและกลางแจ้ง คุณสมบัติ 1. ตรววจับอุณหภูมิความร้อนบนร่างกายเท่านั้น 2. ความแม่นยำ +/- 0. 3 องศา 3. พร้อมสัญญาณเตือนเมื่ออุณหภูมิสูงเกินกำหนด 4. สามารถคัดกรองผู้ป่วย ที่มีไข้ 30-40 องศา 5. สามารถตรวจวัดโดยไม่ต้องสัมผัสตัวได้ในระยะ 5-10 เซนติเมตร 6. ตรวจวัดทีละ 1 คนต่อ 1 วินาที 1. เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดความแม่นยำสูง Infrared Thermometer 2. แบบติดผนังหรือติดตั้งบนขาตั้ง ผลิตภัณฑ์เพื่อวิถีชีวิต New Normal 3. ทำงานด้วยระบบอินฟราเรด วัดอุณหภูมิร่างกายผ่านหน้าผาก ให้ความรวดเร็วและแม่นยำสูง 4. โดยมีการรับรองคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล เครื่องวัดอุณหภูมิชนิดอินฟาเรด 1.
เมื่อจับไม้ตีระนาดตีอย่างไรให้ถามผู้รู้ ส่วนมากนิยมตีพร้อมกันทั้งสองมือโดยกำหนดให้ลูกที่ 1 (tonic tone)อยู่ทางขวามือไม่ว่าจะเป็นลูกใด 2. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1(tonic) แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายเป็นลูกที่ 2 นับถัดไปจนถึงลูกที่ 8 เรียกว่าว่าลูก 1 ช่วงมือหรือคู่ 8 และหรือ 1 octave ตีพร้อมกัน ระนาดเอก มิได้มีคู่ 8 เพียงคู่เดียวดังมีคั่นคู่ต่างๆดังต่อนี้ 3. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายถัดไปจนถึงลูกที่ 7 เช่น ซ ถึง ล คือ 7 เรียกว่าคั่นคู่ 7 4. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายถัดไปจนถึงลูกที่ 6 เช่น ซ ถึง ท คือ 6 เรียกว่าคั่นคู่ 6 5. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายถัดไปจนถึงลูกที่ 5 เช่น ซ ถึง ด คือ 5 เรียกว่าคั่นคู่ 5 6. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายถัดไปจนถึงลูกที่ 4 เช่น ซ ถึง ร คือ 4 เรียกว่าคั่นคู่ 4 7. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายถัดไปจนถึงลูกที่ 3 เช่น ซ ถึง ม คือ 3 เรียกว่าคั่นคู่ 3 8. เมื่อกำหนดให้ลูกขวามือเป็นลูกที่ 1 แล้วให้นับลูกถัดมาทางซ้ายถัดไปจนถึงลูกที่ 2 เช่น ซ ถึง ฟ คือ 2 เรียกว่าคั่นคู่ 2 โดยนัยกลับกัน 1.